27 มีนาคม 2556 หลักสูตรใหม่มี 6 กลุ่มสาระ

มีนาคม 27, 2013 เวลา 1:09 pm | เขียนใน Uncategorized | 33 ความเห็น

new_currimarch2013

หลักสูตรพื้นฐานใหม่มี 6 กลุ่มสาระ
+โพสต์เมื่อวันที่ : 27 มี.ค. 2556

…..

รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฐานะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปฯ ที่มี ศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า มีแนวโน้มที่จะยกเลิกหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ที่มี 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ มาเป็นหลักสูตรใหม่โดยเหลือ 6 กลุ่มสาระได้แก่

1. ภาษาและวัฒนธรรม (Language and Culture)  2. กลุ่มสาระวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM)  3. การดำรงชีวิตและโลกของงาน (Work Life)  4. ทักษะสื่อและการสื่อสาร (Media Skill and Communication)  5. สังคมและมนุษยศาสตร์ (Society and Humanity) และ  6. อาเซียน ภูมิภาคและโลก (Asean Region and World)

ซึ่งหลักสูตรใหม่นอกจากจะลดจำนวนกลุ่มสาระการเรียนรู้แล้ว จะมีการลดชั่วโมงเรียนลงด้วย แต่จะเพิ่มโครงงาน หรือการทำกิจกรรมนอกห้องเรียนแทน เพื่อให้เด็กได้ฝึกการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้

“หลักสูตรใหม่ดังกล่าว มีความครอบคลุมสาระวิชาที่จำเป็นสำหรับนักเรียนในแต่ละระดับชั้น ซึ่งคณะกรรมการได้ศึกษาตัวอย่างโครงสร้างหลักสูตรของต่างประเทศไม่น้อยกว่า 12 ประเทศ มาประกอบกับเนื้อหาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทย ซึ่งพบว่าหลักสูตรของเรายังมีจุดอ่อนอยู่มาก เช่น เราให้เด็กเรียนถึง 8 กลุ่มสาระ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เรียนเพียง 3-4 กลุ่มสาระแล้วค่อย ๆ เติมเนื้อหาสาระที่จำเป็นเข้าไป ซึ่งหลังจากนี้คณะทำงานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ใหม่ทั้ง 6 กลุ่มจะไปวางแนวทางและรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละระดับ โดยคาดว่าในอีก 6 เดือนพิมพ์เขียวจะแล้วเสร็จ จากนั้นจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นำไปประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นต่อไป” รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว.

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

33 ความเห็น »

RSS feed for comments on this post. TrackBack URI

  1. มึน บอกตรง ๆว่ามึนกับ หลักสูตร 6 กลุ่มสาระ มึน ๆ ๆ

  2. จะเปลี่ยนกันตอนใหน ก่อนเปิดเทอม56 หรือ ปลายปี56

    • คณะกรรมการขอเวลา 6 เดือน ทำฉบับร่าง เพื่อประชาพิจารณ์ ผมก็เลยคาดว่าน่าจะเป็นปีการศึกษา 57 ครับ

  3. หลักสูตรเก่าหรือใหม่ก็ดี แต่ขึ้นอย่กับแกับครู ครูบางคนในโรงเรียน สอนน้อยหรือไม่สอน พอบ่ายโมงมาก็ก้เลิก

  4. 1.เห็นชื่อกลุ่มใหม่แล้วงงอ่ะ! $%$#@* ครูคนละเอก แต่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เวลาจัดสอน หรือประชุมคงสนุกพิลึก
    2.ยิ่งงงเป็น2เท่า ถ้าเปลี่ยนโครงสร้างหลักสูตร แต่ไม่เปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงานของหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเหมือนเดิม คงสนุกดีนะครูพละ ต้องไปคุมดนตรี ต้องสอนศานาและปรัชญา

    • เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะคงสนุกพิลิกจะจัดกันอย่างไรบ้างเนี่ย ปวดหัวจริง!!!

      • ขอให้คิดมาให้เบ็ดเสร็จไม่ต้องให้เราเสียเวลามาสร้างหลักสูตรอีกนะเหนื่อยจริงๆตั้งแต่44-51 ปวดหัว จะเอาไงก็ว่ามา…จะสอน

  5. เอาหลักสูตรเก่ามาคนยังมีความเป็นเลิศทั้งคุณธรรมจริยธรรม

  6. ได้แต่จะเปลี่ยน ถามคนปฏิบัติและผู้เรียนบ้างไหม ว่าควรเปลี่ยนหรือไม่ แค่หลักสูตรเดิมคนเรียนยังไม่เก่งเลย

  7. มั่วแต่ไปสนใจประเทศอื่น่ ไม่ดูบริบทของประเทศและเด็กของตนว่าเหมือนประเทศอื่นหรือไม่พวกนักวิชาการทั้งหลาย

  8. แนวโน้นหลักสูตรคล้ายกับหลักสูตรนาๆชาติ

  9. เห็นด้วยกับหลักสูตรใหม่ คือเวลาเรียนในห้องลงและเพิ่มเวลาเรียนโครงงานลงมือปฏิบัติจริง เพราะทุกวันนี้ นักเรียนไทยมีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด หุงข้าวทำกับข้าวกินเองยังไม่เป็นเลย

  10. เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่นั่นแหละเมื่อไรจะดีสักทีคนปฏิบัติก็แย่แล้ว

  11. หลักสูตรที่บางโรงเรียนเพิ่งทำเสร็จเย็บเล่มไปยังไม่ทันไรเปลี่ยนอีกแล้วโอพระเจ้า

  12. กูเกียจพวกหัวอาเซียนจริงๆ เอาหลักสูตรอื่นมาสอนไม่ว่า เคยมองดูกำพืชตัวเองบางไหม จะตามปรเทศอื่นอย่างเดียว คนมีตังคิดจะทำอะไรก็ทำไม่คิดคนทำงานด้วยน้ำแรงตัวเองกว่าจะได้แต่ละบาทมันยากนะโว้ย รวยมากก็มาแจกตังบางน่ะ ลำคาญอาเซียนเปิดมาก็ไม่มีอะไรดี มีแต่ทำให้ล้มจม

  13. บ้าไปแล้ว

  14. เราต้องเรียนรู้ให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง การศึกษาต้องจัดการเรียนรู้ให้เท่าทันและเราจะต้องปรับตัวเองอย่างไรเพื่อให้อยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

  15. หลักสูตรเก่าหรือใหม่ ไม่สำคัญเท่ากับครูตั้งใจสอนเต็มความรู้ เต็มความสามารถ และเต็มเวลาหรือไม่ ส่วนใหญ่ครูสอนหนังสือ ไม่สอนนักเรียนเลย บางคนยิ่งแล้วใหญ่ มอบงานแล้วออกนอกห้องไป บางคนให้นักเรียนจดเนื้อหาอย่างเดียว จดทั้งชาติ ยังไม่ได้ทำความเข้าใจเลย แล้วให้คะแนนตัดเกรด ทำให้นักเรียนต้องหันไปพึงการเีรียนพิเศษกันยังไงล่ะ จะว่าไปถ้าบอกว่าเด็กเรียนเยอะแล้วไม่มีความรู้ แล้วนักเรียนที่เขาเรียนพิเศษกันเยอะๆนี่ ไม่ได้เรียนมากหรือ ส่วนใหญ่ก็ประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น แต่กลุ่มนักเรียนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนพิเศษสิ กลุ่มใหญ่ของประเทศ เลยทำให้ผลสัมฤทธิ์ต่ำ ไม่ได้เข้าข้างกลุ่่มสอนพิเศษนะ ในหลักสูตรกำหนดให้จัดการเีรียนการสอนรวมสอบด้วย 100 วัน ยกตัวอย่าง รายวิชาที่สอนกำหนดไว้ 80 ชั่วโมง เอาเข้าจริงไม่ถึง 60 ชั่วโมงด้วยซ้ำ แถมครูก็สอนแต่หนังสือ นี่คือสาเหตุที่แท้จริงของการจัดการศึกษา แต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดถึงกลุ่มครูเหล่านี้(ไม่ใช่ครูทั้งหมดหรอก)ที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์นักเรียนตกต่ำ อีกอย่างเวลาแก้ปัญหาก็ให้แต่ครูไปอบรมๆๆๆๆๆ แล้วก็..ไม่มีอะไร เงินเดือนครูสูงขึ้นแล้ว ก็ทำให้ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนสูงตามด้วย ช่วยพิจารณาหน่อย

  16. การศึกษาจะสำคัญก็ต่อเมื่อมีเกณฑ์การวัดระดับความรู้ที่มีประสิทธิภาพ หากยังคงสอบโดยวิธีที่ไม่เป็นมาตรฐานสากล ไม่เป็นทางการ ไม่โปร่งใส ไม่อัพเดท ก็คงเป็นแค่การศึกษาเพื่อให้้ได้กระดาษ A4 มีลายเซ็นต์ ไม่ใช่เพื่ออนาคต หรือความหวังใด ๆ

  17. ดูแล้วเห็นว่าหลักสูตรนี้มองข้ามพื้นฐานที่การดำรงชีวิตของมนุษย์ไป เพราะหากมนุษย์เรามีร่างกายที่ไม่แข็งแรงแล้ว เห็นจะคิดเรียนเขียนอ่านลำบาก เพราะหลักสูตรใหม่นี้ในช่วงมัธยม ไม่มีวิชาพละ ซึ่งเท่ากับว่าในช่วงวัยรุ่นเป็นวัยที่มีพัฒนาการทางกายที่รวดเร็วที่สุด ในช่วงชีวิตของคนเรา หากไม่ให้เด็กรู้จักและปฏิบัติการเล่นกีฬาและออกกำลังกายแล้ว จะมีผลทำให้พัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กจะไม่พัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การที่ร่างการผลิตฮอร์โมนต่างๆ ออกมามากในวัยนี้ จะนำไปใช้ในด้านใดดี ระวังนะครับหลักสูตรใหม่จะทำให้เด็กไทย จะโตแต่หัวแต่ตัวไม่แข็งแรง

    • เห็นด้วยกับคุณนิรนามอย่างยิ่ง วิชาที่สร้างความเป็นคน/มนุษย์คือ สลน.(เดิม)เพาะบ่มความเป็นคนท่านเห็นชาติอื่นๆว่าเขาเก่ง เพราะเอาเงินเป็นตัวตั้ง แล้วดูไหมว่าเนื้อในสังคมเขาเป็นอย่างไร จีนต้องออกกฏหมายให้ลูกกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ ญี่ปุ่นมีคนฆ่าตัวตายทุกวันวันละหลายสิบ ยุโรปจับคนแก่ไปอยู่คอนโดเพราะลูกหลานเห็นเป็นภาระที่ต้องดูแลพ่อแม่ อเมริกันคนไร้ที่อยู่อาศัยไร้คนดูแลซึ่งกันและกันเป็นแสน…ไปดูเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อินเดียชนที่รวยเท่านั้นที่ดูเหมือนมีความสุข แต่ลองหันไปดูสภาพประเทศนี้ดูสภาพเป็นอย่างไรไม่ต้องบรรยาย.ฯลฯ แต่ประเทศที่น่าอยู่ในโลกนี้ลองกลับไปลองศึกษาดูเขาอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิม อยู่อย่างสงบเรียบร้อย ลองคลิกเข้าไปดูเอา…ไม่ต้องอธิบาย.มันอยู่ที่ปลายนิ้วท่าน..เพราะวัฒนธรรมเห่อความรวยยึดความรวยเป็นสรณ รวยแล้วทำอะไรไม่ผิด…ทำให้อยากเลียนแบบประเทศอื่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา..ลืมคิดไปว่าการที่ประเทศเขาเจริญทั้งระบบนั้นผู้ที่เป็นใหญ่บริหารบ้านเมืองต้องเป็นต้นแบบที่ดีก่อนและจริงใจต่อการแก้ปัญหาในทุกเรื่อง …ฝากท่านผู้มีอำนาจแห่งการเปลี่ยนแปลง…มองให้รอบด้าน

  18. ครูคหกรรม-ครูการงาน-ไปอยู่ที่1/ฯฯ ของกลุ่มการศึกษาทั่วไป วิชานี้บ่งบอกถึงความพอเพียงเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย เมื่อก่อนเด็กๆ จะเรียนรู้จากครอบครัวปัจจุบันครอบครัวไม่มีเวลาสอนหวังพึ่งคุณครูหลักสูตรก็ไม่ให้ความสำคัญ ช่วยทบทวนหน่วยนะคะ อย่าพัฒนาจนสุดโต่งจนลืมรากฐานของความเป็นคนไทย

  19. ยอมรับครับว่าเป็นครูเหนื่อย แต่ก็มีความสุขให้เห็นในแต่ละวัน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเด็ก ยิ่งโรงเรียนขนาดเล็กที่ครูมีน้อย2-3คนที่ต้องช่วยงานบริหารการเงินและพัสดุ จะปล่อยธุรการอย่างเดียวก็ไม่ได้เพราะกรอบงานเขามีอยู่ ครูจึงต้องเข้าไปช่วยงานบริหาร ผู้บริหารไม่ต้องถามถึง ไม่ได้มาช่วยสอนเลย เพราะประชุมๆๆๆ ก็ยังดีอยู่บ้างที่คอยช่วยดูห่างๆ(เน้น Control) กำลังใจนี่ครูผู้สอนช่วยเติมกันเอง ยากนักที่จะได้จากท่าน(ผบ) ดังนั้นถ้าเปลี่ยนหลักสูตรแล้วให้เรามานั่งทำกันอีก ก็คงเหนื่อยอีกรอบ ถ้าเป็นไปได้ก็ร่างมาให้เล้ย ไม่ต้องปรับอะไรให้มันมากเรื่อง ที่ผ่านมาเอามาปรับแล้วใช้กันจริงกี่เปอร์เซน เอาเก็บไว้ในตู้เป็นแถว ประดับบารมี ประดับภูมิ(นี่ความจริงนะ) เวลาใช้จริงก็ดูมาตรฐานตัวชี้วัดจากหลักสูตรแกนกลางเอา ยังไงก็ไม่หลุดเป้าหมาย ตรงประเด็นที่สุด

  20. ท่านนักวิชาการผู้คิดหลักสูตรใหม่ ท่านเคยไปอยู่โรงเรียนประถมศึกษาหรือไม่ ว่ามันมีปัญหาอะไรบ้างในโรงเรียนประถมศึกษา ไม่ใช่มาดูว่าเด็กอ่านไม่ได้ เขียนไม่ถูกมาจากหลักสูตรและให้สอบถามคุณครูก่อนว่าจะเปลียนหลักสูตรหรือไม่จะดีมาก

  21. ผมว่าหมวดสาระมันพิลึกอยู่นะ … เหมือนจะซ้ำซ้อน … เหมือนจะแยกได้แค่ 4 กลุ่มสาระเองนะ
    ที่ผมคิด มันน่าจะมี 5 กลุ่มสาระนะ ภาษา, วิทย์ฯ, คณิตฯ, สังคม, ศิลปะ แบบนี้จะดีกว่า…
    พละน่าจะอยู่หมวดวิทย์ เพราะเกี่ยวเรื่องสรีระ กายภาพ

    แบบนี้น่าจะดีกว่า จัดหมวดง่ายด้วย

  22. สมัยใช้กระดานชนวนมันก็มีเลขคัดไทยแทรกปั้นร้องเพลงรำวงมาตรฐานแล้วแต่วัน แต่ทุกวันศุกร์ต้องสวดมนต์ยาว สรรเสริญพุทธคุณธรรมคุณสังฆคุณคุณครูคุณแม่พ่อ ร้องเพลงพระราชนิพนธ์ เล่นตี๋จับ ม้าส่งเมืองเป็นวิชาพละ แสดงละครตอนคุณยิงโมรักษาเมือง แค่นี้ก็ชอบไปโรงเรียนทุกวัน และ ฉันก็รักประเทศไทย และเป็นครูไทยจากศรัทธาสั่งสอนนักเรียนให้รักชาติและมีลูกศิษย์ที่เป็นครูได้ด้วย คิดเอานักการเมืองทั้งหลาย…เอ๋ย แท็ปเล็ตกับกระดานชนวนอันไหนมันสร้างคนสร้างชาติได้เลิศกว่ากัน

  23. ชอบถ้อยความคุณไพจิตต์ ..ครับ คนที่เป็นครูด้วยจิตวิญญาณย่อมพยายามสร้างให้เด็กมีคุณธรรม นำความรู้ แต่หลักสูตรใหม่จะเน้นไปในทางความรู้มากกว่า คุณธรรม ..เน้นการแข่งขันทางตัวเลข ทางอันดับ

    • เวลาปรับเปลี่ยนอะไรก็ควรให้ครูผู้สอนมีส่วนร่วมด้วย พวกหัวหงอกข้างบนปรับอะไรก็ผิดทิศผิดทางตลอด ปรับปี 2551 ได้ 8 กลุ่มสาระแต่ข้อสอบ Onet และ Nt มีวิเคราะห์ 2 ชั้น 3 ชั้นสวนทางกับเนื้อหาสาระ ปฎิรูปการศึกษาก็ล้มเหลว เห็นชื่่อกลุ่มสาระแต่ละสาระเหมือนตั้งชื่อละคร จับต้องไม่ได้ หลงสาระมั่วไปหมด เอะอะก็อ้างหลักสูตรต่างประเทศ มีไหมสาระศีลธรรมของต่างประเทศ ทุเรศสิ้นดี

  24. คิดๆดูแล้วเห็นที..การศึกษาไทยสมัยนี้ น่าสงสาร เด็กเหมือนเรียนมาก แต่เอาตัวไม่รอด เสริมแต่ IT. จนเด็กติดเกมส์ บ้า..Facebook แล้วยังเลียนแบบภาษาวิบัติๆ..จุงเบ่ย. ไม่เหลือความเป็นไทยอีกแล้ว .. มีแต่อาเซี่ยน..จนเกิดเสี่ยนหนาม..ทิ่มตำประเทศเสียจนเป็นแผลเหวะ หมดแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่นาน..เชื่อเถอะต่อไปจะไม่มีประเทศไทยให้เราอยู่ ชอบตามกันดีนักเซี่ยนๆๆ (อาเซี่ยน) ลองย้อนกลับมาดูการเรียนการสอนสมัยก่อน สอนคนให้เป็นคน..ไม่เหมือนสมัยนี้สอนคนให้เป็นควา…..เฮ้อ….

  25. ถูกต้องทุกข้อความ หลักสูตรใหม่ดี หรือไม่ดี อยู่ที่ครูผู้สอน

  26. คิดว่า ของเรา8กลุ่มดีแล้วครับ มันอยู่ที่ ครูสอนครับ

  27. ตามกลุ่มสาระของหลักสูตรใหม่ ครูจะมีทีมในการทำงาน ได้ปรึกษา แลกเปลี่ยนความรู้ ร่วมกันวางแผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ เป็นการบูรณาการที่เป็นรูปธรรม เช่นด้านภาษา ไทยมีคำนาม อังกฤษมีnoun ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกันในประโยค เมื่อเด็กอ่านออก รู้ความหมายแล้ว เด็กจะสนุกในการเรียนมาก เด็กจะใช้tapletเข้าgoogle
    เรียนเรื่องราวต่างๆในโลกมากมาย กลายเป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนโดยไม่ต้องบังคับ แต่ครูต้องสนใจเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กเข้าnet แต่ครูไปเมาท์อยู่ระเบียงห้อง เด็กพร้อมที่จะเรียนสิ่งใหม่ๆ แล้วครูพร้อมท่ีจะสอนแบบใหม่ๆหรือยัง

  28. เราต้องยอมรับกันสักที เรียนมากแต่รู้นัอย วันหนึ่งเรียนแต่วิชาการท่องจำกันอยู่อย่างนั้น ยิ่งเป็นตอนบ่ายใครจะอยากจำล่ะ เรายังยึดติดอยู่ว่า ครูเป็นค้อน ความรู้เป็นตะปูที่แหลมคม เด็กเป็นกำแพงที่อยู่นิ่งๆ แล้วครูก็ตอกลงไปทุกวันกลายเป็นเด็กไม่กล้าแสดงออก ทำอะไรไม่เป็น มหาลัยชีวิต กับมหาลัยที่เรียนอยู่แต่ในห้องอย่างไหนที่จะประสบผลสำเร็จก่อนกันครับ


ส่งความเห็นที่ เรือจ้าง ยกเลิกการตอบ


Entries และ ข้อคิดเห็น feeds.